เริ่มต้นวันใหม่ด้วยโจ๊กร้อนๆ ซึ่งเป็นอาหารเช้าแบบฉบับประเทศไทย ร้านโจ๊กปรินซ์เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของครอบครัวชาวจีนที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 90 ปี โจ๊กแสนเข้มข้นจากน้ำซุปต้มกระดูกหมูที่เคี่ยวจนเปื่อยนี้ดึงดูดทั้งผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้มาต่อแถวรอกันยาวเหยียดตั้งแต่เช้ามืด เมนูเด่นของร้านอาหารแห่งนี้คือโจ๊กหมูสับใส่ขิงและต้นหอมซอย (45 บาท) และต้มเครื่องในหมูกับไข่เยี่ยวม้า (75 บาท) นอกจากนี้ยังมีปาท่องโก๋จำหน่ายด้วย

หากต้องการชมโลกแห่งการออกแบบในกรุงเทพมหานคร ก็ต้องไปที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์การค้นคว้าสาธารณะ เมื่อก้าวเข้ามาผ่านประตูสีดำดีไซน์ทันสมัยที่ตั้งอยู่ตรงมุมของอาคารไปรษณีย์กลางอันเก่าแก่ คุณจะได้พบกับห้องสมุดที่เรียงรายไปด้วยคอลเลคชันหนังสือและภาพถ่าย และพื้นที่คาเฟ่ที่เต็มไปด้วยนิตยสารมากมาย จุดสนใจในสถานที่แห่งนี้คือห้องโถงที่ออกแบบโดยบริษัท Department of Architecture ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบในกรุงเทพ ที่นี่คุณจะได้พบเห็นนักเรียนศิลปกรรมมานั่งอ่านหนังสือกันมากมาย โดยค่าเข้าชมหนึ่งวันราคา 100 บาท

ร้านขายของตั้งอยู่ในคลังสินค้าที่ได้ปรับปรุงใหม่ ซึ่งมีทั้งแกลเลอรี่และพื้นที่ค้าปลีกต่างๆ มากมาย นับตั้งแต่ที่เปิดให้บริการในปี 2019 เพื่อเป็นสถานที่ใช้โปรโมตแบรนด์สินค้าให้กับเพื่อนๆ ของเจ้าของ สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีสินค้ากว่า 200 แบรนด์โดยเน้นสินค้าจากครีเอเตอร์ชาวไทยเป็นหลัก ในร้านเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าที่รอการค้นหาอยู่ทุกซอกมุม มีทั้งงานศิลปะพื้นถิ่นไปจนถึงเครื่องหอมและเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ พัดไม้ไผ่สีสดใสและ "ยาดม" สมุนไพร (ภาพมุมล่างซ้าย) ซึ่งเป็นของฝากที่ดีมากๆ

หากต้องการลิ้มลองรสชาตินอกตัวเมืองกรุงเทพฯ เราขอแนะนำร้านขายน้ำชาที่รายล้อมไปด้วยใบชาที่เก็บมาสดๆ จากจังหวัดเชียงใหม่ทางตอนเหนือของประเทศไทย "อรักษ" (Araksa) เป็นแบรนด์ชาออร์แกนิกที่มีชื่อเสียงจากต้นชาที่ปลูกขึ้นในฟาร์มของตนเองบนภูเขา เปิดร้านค้าแห่งแรกขึ้นในปี 2023 นอกจากชาขาว ชาดำ และชาเขียวที่เก็บเกี่ยวด้วยมือแล้ว ทางร้านยังมีชาดอกอัญชัน ชาตะไคร้ และชาดอกดาหลาให้เลือกด้วย ถ้าตัดสินใจไม่ถูกก็สามารถเลือกซื้อชากระป๋องหรือถุงชากลับมาชงดื่มที่บ้านได้ และอย่าพลาดชาสุดพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เสิร์ฟพร้อมกับของหวานหลากชนิดจากทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก

โรงแรมบูติกขนาด 4 ห้องแห่งนี้ตั้งอยู่ในบ้านส่วนตัวที่สร้างขึ้นในปี 1916 และเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2017 อาคารนี้ผสมผสานสถาปัตยกรรมของโปรตุเกส มาเลย์ และจีนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานั้น โดยเผยให้เห็นถึงรากเหง้าของประวัติศาสตร์ได้อย่างชัดเจน ภายในตกแต่งให้มีบรรยากาศแบบตะวันออกด้วยเครื่องไม้และกระเบื้องสไตล์โบราณ แม้ว่าจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเก่าและไชน่าทาวน์มากนัก แต่สถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในตรอกแห่งนี้กลับทำให้คุณรู้สึกสงบและผ่อนคลาย อาหารเช้าจะเสิร์ฟในล็อบบี้ที่มองเห็นวิวของวัดบริเวณใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน โดยราคาห้องพักอยู่ที่คืนละ 3,600-4,800 บาท