

ความรู้สึกแรกของคุณเมื่อได้ยินถึงความร่วมมือนี้?
ผมตื่นเต้นมากตั้งแต่แรก ผมคิดว่าความร่วมมือกับยูนิโคล่มาในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญนอกเหนือจากสิ่งที่เราทำมาตลอด 2 ปี เพราะทีละเล็กละน้อยที่เราเปลี่ยนแบรนด์ของเราให้ใกล้ผู้คนมากยิ่งขึ้น ผลักดันให้มันเป็นแม่แบบของแฟชั่นและสามารถนำเสนอ MARNI ได้อย่างแท้จริง โดยให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมและใกล้ชิดกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น

อะไรคือ แรงบันดาลใจในธีมสำหรับคอลเลคชันนี้? เราได้ยินว่าคุณมีภาพอยู่ในหัวตั้งแต่ต้น
ในทางสร้างสรรค์ เราได้กำหนดทิศทางที่แน่ชัดมาโดยตลอดกระบวนการ ด้วยความทะเยอทะยานที่จะทำให้ตู้เสื้อผ้ามีคุณค่าและสามารถแบ่งปันกันได้ เราได้ตีความแนวคิด LifeWear ผ่านประสบการณ์และมุมมองของเราเอง และจินตนาการถึงตู้เสื้อผ้าที่ทั้งครอบครัว (หรือดีกว่าถ้า พูดว่า ครอบครัวที่เลือก) สามารถแบ่งปันและแลกเปลี่ยน เราได้พยายามแปลความรู้สึกสบายและความคุ้นเคยนั้นภาพถ่ายจากเลนส์โดย Jamie Hawkesworth เป็นผู้นำเสนอคอลเลคชัน
คอลเลคชันนี้ แสดงออกถึงความเป็น MARNI อย่างมากทั้งสีสัน ความกล้า และลายกราฟฟิค คุณได้ความคิดในการออกแบบลาย ตาราง ดอกไม้ หรือ ลายเส้น แบบนี้อย่างไร?
MARNI มีเอกลักษณ์ในเรื่องของสีและลายปริ้นท์ มาโดยตลอด สำหรับคอลเลคชันนี้ เราเพิ่มลายดอกไม้เข้าไป ที่มีกลิ่นอายย้อนยุคเและลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ซึ่งเราถ่ายทอดพลังสร้างสรรค์ของ MARNI ออกมาด้วยลายเส้นพู่กันนี้

คุณตัดสินใจเลือกดีไซน์/รูปทรงสำหรับคอลเลคชันร่วมระหว่างยูนิโคล่และ MARNI ได้อย่างไร แล้วในเรื่องของโทนสี คุณใช้วิธีไหนในการตัดสินใจ?
คอลเลคชันนี้จะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2565 ดังนั้นเราจึงเลือกใช้สีที่ให้ความรู้สึกของฤดูร้อน โดยผสมผสานโทนสีแดงและโคบอลต์อันโดดเด่นเข้ากับโทนสีอบอุ่นของสีกากี สีน้ำตาลอ่อน และสีเขียวมะกอก พิมพ์ลายสลับช่วง โดยเชื่อมโยงคอลเลคชันนี้ด้วยสีสันที่ผสมผสานกันระหว่างลวดลายและสีโมโนโทน
แรงบันดาลใจในการออกแบบและกระบวนการสร้างสรรค์ของคุณแตกต่างกันอย่างไร ระหว่างการสร้างสรรค์คอลเลคชันนี้กับกระบวนการทั่วไปของคุณเมื่อทำงานของ MARNI?
ตลอดทั้งกระบวนการ เราพยายามที่จะสนับสนุนแนวคิดของยูนิโคล่และความมั่นคงซื่อสัตย์ที่อยู่เบื้องหลังวิสัยทัศน์ของแบรนด์ โดยตีความ LifeWear ของยูนิโคล่ผ่านการนำเสนอที่แปลกใหม่เล็กน้อยด้วยการผสมผสานเสื้อผ้าที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันกับจิตวิญญาณที่แตกต่างอย่างลงตัวทั้งยังช่วยปลอบประโลมจิตใจของ MARNI เข้าด้วยกัน
นอกเหนือจากความเป็น MARNI คอลเลคชันนี้ให้ความรู้สึกอย่างไร Francesco?
นอกเหนือจากสีและลายปริ้นท์ที่มีความเป็น MARNI มากแล้ว คอลเลคชันนี้ยังใส่ความเป็นตัวผมลงไป ทั้งเสื้อยืดลายทางที่ได้รับแรงบันดาลใจแนวกรันจ์ รอยยับจากเสื้อเชิ้ตชุดนอน และการตัดเย็บที่ดูสบายๆ และการผสมกันระหว่างสีสดใสและสีอ่อน ให้ความรู้สึกถึงยุค 70
คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับ ปรัชญา LifeWear ของยูนิโคล่? คุณคุ้นเคยกับสินค้าของยูนิโคล่ ก่อนความร่วมมือครั้งนี้ไหม และสินค้าตัวไหนที่โดดเด่นสำหรับคุณ?
ผมทึ่งกับความมีเอกลักษณ์และจุดยืนที่แสนฉลาดในการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับทุกวัน ด้วยการออกแบบอันชาญฉลาด ทำให้สินค้าของยูนิโคล่ถูกมองได้ว่าเก่งในการใช้วัสดุ สี และรูปแบบ แต่สำหรับมุมมองผม ผมคิดว่ามันมากกว่านั้น ด้วยความตั้งใจในการนำเสนอสินค้าที่เป็นสากลนั้นแสดงถึงความเข้าใจและในแง่นั้นคุณธรรมมีความลึกซึ้งเป็นที่สุด

คุณต้องการให้ผู้คนที่สวมใส่คอลเลคชันนี้รู้สึกอย่างไร?
ผมหวังว่าพวกเขาจะรู้สึกดี เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระ และพวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับฤดูร้อนได้อย่างเต็มที่เมื่อสวมใส่คอลเลคชันนี้
คุณชอบไอเทมไหนจากคอลเลคชันนี้บ้าง?
น่าจะเป็นชุดนอนผ้าไหม เพราะเป็นไอเทมที่ผมแทบรอไม่ไหวที่จะสวมใส่มันด้วยตัวเองเช่นกัน
เราได้ยินมาว่าคุณอาศัยอยู่บนเรือตั้งแต่ยังเด็ก คุณคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับดีไซน์การออกแบบที่ดูมีความสุขและมีชีวิตชีวาของคุณหรือไม่ และถ้าเป็นอย่างนั้น มันมีผลในด้านไหนบ้าง?
ความทรงจำของผมในช่วงปีแรกๆ มันเลือนรางมาก แต่ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องมีผลต่อผมอยู่แล้ว น่าจะเป็นในเชิงที่สิ่งเหล่านั้นมีอิทธิพลต่อบุคลิกของผมมากกว่าวิสัยทัศน์ในเรื่องการออกแบบ
แนวคิดเชิงทัศนภาพของแคมเปญนี้คือ “MARNI FAMILY” คุณช่วยเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมได้ไหมว่าทำไมคุณถึงหวงแหนคอมมูนิตี้และความผูกพันกับเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของคุณ?
ผมคิดว่าความผูกพันเป็นส่วนสำคัญสำหรับประสบการณ์ของมนุษย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของเรา ผ่านผลงานของเราและสิ่งที่เราแบ่งปันกันในระหว่างที่เราสร้างสรรค์งาน เราได้กำหนดขอบข่ายการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ผมถือว่า MARNI เป็นทั้งจุดหมายปลายทางและแพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่มีค่านิยมคล้ายกัน เป็นแบรนด์ที่มีการแลกเปลี่ยนบทสนทนากับผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ ทั้งหมดนั้นเป็นคำจำกัดความของคอมมูนิตี้